ลำดับพระจักรพรรดิของโรมันที่สำคัญ




๑. ออกุสตุส (Augustus) ๓๐ ปีก่อน ค.ศ.-ค.ศ.๑๔ นับเป็น ยุคทองของโรม
๒. ทิเบริอุส (Tiberius) ค.ศ. ๑๔-๓๗ เพิ่มอำนาจจักรพรรดิและลดอำนาจของสภาราษฎร

๓. คลอดิอุส (Claudius) ค.ศ. ๔๑-๕๔ ได้ปกครองภาคใต้ของอังกฤษ และเผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณี วรรณคดี และภาษาของโรมันไปสู่ประเทศนั้น นอกจากนี้ยังยินยมให้มีตัวแทนจากมณฑลอื่น ๆ เข้าร่วมประชุมสภาซีเนท นับว่าเป็นการรวมที่ได้ผลวิธีหนึ่ง
๔. เนโร (Nero) ค.ศ. ๕๔-๖๘ เป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยมมาก เพราะทรงฆ่าพระมารดา, พระอนุชา, ชายา ๒ องค์ รวมทั้งพระอาจารย์ของพระองค์เองคือ เซเนคา ปรัชญาเมธีผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง รวมทั้งเป็นผู้ที่ทำการจุดไฟเผากรุงโรมเพียงเพื่อความบันเทิงของตัวเอง ป้ายความผิดให้พวกคริสเตียน และประหารชีวิตเสียเป็นจำนวนมาก ในปลายรัชสมัยของพระองค์ได้เกิดจลาจลขึ้นในโรม จักรพรรดิเนโรปลงพระชนม์พระองค์เอง ใน ค.ศ. ๖๘ นับเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์จูเลียน

 ๕. เวสปาเชียน (Vespasian) ค.ศ. ๖๙-๗๙ เดิมเป็นแม่ทัพที่ปราบปรามจลาจลในโรมตอนปลายสมัยเนโรได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิราชวงศ์เลเวียน งานชิ้นสำคัญคือโคลอสเซียม  ได้ทรงส่งโอรสติตุส ไปปราบปรามและทำลายกรุงเจรูซาเล็มในปาเลสไตน์

๖. ทราจัน (Trajan) ค.ศ. ๙๘-๑๗๗ รวมรูมาเนีย (ดาเซีย) เข้ามาอยู่ในบังคับของโรมและขยายอาณาจักรโรมันออกไปกว้างขวางยิ่งขึ้น

๗. เฮเดรียน (Hadrian) ค.ศ. ๑๑๗-๑๓๘ ทรงขยายแนวป้องกันการรุกรานออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอังกฤษ ในยุโรปกลาง ระหว่างลุ่มแม่น้ำไรน์และแม่น้ำดานูบ เพื่อป้องกันการรุกรานของพวกอารยชน

๘. มาร์คุส ออเรลีอุส (Marcus Aurelius) ค.ศ. ๑๖๑-๑๘๐ นับว่าเป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้ายที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นจักรพรรดิที่มี ๕ พระองค์ (ค.ศ. ๙๖-๑๘๐) ทรงเขียนหนังสือ “Meditations” บรรยายหลักปรัชญาในแนวสโตอิค คือถือความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ รัชสมัยของพระองค์นี้ถือว่าเป็นสมัยสุดท้ายของสันติภาพโรมัน (Pax Romana)

๙. ไดโอเคลเชียน (Diocletian) ค.ศ. ๒๘๔-๓๐๕ เป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่สามารถทรงจัดการระงับการจลาจลวุ่นวายภายหลังสันติภาพโรมัน พระองค์ปกครองอาณาจักรภาคตะวันออกของโรมันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทางตะวันตกได้ทรงแต่งตั้งผู้ปกครองอีกองค์หนึ่ง ซึ่งการแบ่งเช่นนี้ได้นำไปสู่การแบ่งอาณาจักรโรมันออกเป็นภาคตะวันตกและตะวันออกในสมัยต่อมา 

๑๐. คอนสแตนติน (Constantine) ค.ศ. ๓๑๒-๓๓๗  รวมจักรวรรดิโรมันเป็นจักรวรรดิเดียวกันได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และย้ายเมืองหลวงจากโรมไป ไบแซนติอุม (Byzantium) เปลี่ยนเรียกชื่อใหม่ว่า คอนสแตนติโนเปิลตามพระนามของพระองค์ (ปัจจุบันคือเมืองอิสตันบุล) โดยเจตนาจะให้เป็นศูนย์กลางของการปกครองดินแดนทั้งภาคตะวันตกแลตะวันออก แต่การทั้งนี้กลับทำให้ประชาชนเริ่มรู้สึกแบ่งแยกทางจิตใจ ทางตะวันตกซึ่งมีอิตาลี สเปน โลกยังยึดอารยธรรมโรมันอยู่(Romanization) แต่ทางตะวันออกซึ่งมีคอนสแตนติโนเปิล และเอเชียโมเนอร์ต่างรับอารยธรรกรีก (Hellenization)และเมื่อคอนสแตนตินประกาศ กฤษฎีกาแห่งมิลาน” (Edict of Milan) แล้ว คริสตศาสนาก็สามารถเผยแพร่ในอาณาจักรโรมได้09:33 เฟิร์น